
เมื่อความเจ็บป่วยของร่างกายเกิดขึ้น
การรับประทานยาหรือพบแพทย์ถือเป็นทางออกที่ดีสุด แต่รู้หรือไม่ว่าความเจ็บปวดบางอย่าง แม้รักษาจนหายไปแล้วแต่ก็สามารถกลับมาเจ็บป่วยใหม่ได้อีก ทั้งนี้เพราะสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยดังกล่าวอาจอยู่ใกล้ตัวเรามากจนคาดไม่ถึง
ถือเป็นพาหะของโรค แพร่กระจายได้ดีในสถานที่ที่อากาศถ่ายไม่ถ่ายเท มีขนาดเล็กมากเพียงแค่ 0.3 มิลลิเมตร ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สามารถพบไร่ฝุ่นได้ตาม ที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรม และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่มีเส้นใยให้ไรฝุ่นสามารถหลบซ่อนอาศัยได้ เนื่องจากเศษคราบไคลของผิวหนังคนเราที่ลอกหลุดออกมาในแต่ละวัน ถือเป็นอาหารชั้นดีให้กับตัวไรฝุ่น นอกจากนี้ใยผ้าและขนสัตว์ที่เอามาทำ ที่นอน ผ้าห่ม ก็สามารถกินเป็นอาหารได้อีกด้วยด้วย
โดยธรรมชาติของไรฝุ่นจะชอบอยู่ตามเส้นใยที่มืด ยิ่งอับชื้นเท่าไรยิ่งดี ซึ่งกิจวัตรในแต่ละวันของไรฝุ่น จะทำการกิน ถ่ายและแพร่พันธุ์ โดยการแพร่พันธุ์สามารถทำได้เร็วมากๆ ตัวเมียจะตั้งท้องภายใน 1 ชั่วโมงและ 3 วันต่อมาก็จะตกไข่ จากระยะไข่จนเป็นตัวโตเต็มวัยจะใช้เวลาประมาณแค่ 1 เดือนเท่านั้นเอง
เกิดจากการที่ร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปภายในร่างกาย จึงเกิดการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันและมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารนั้นมากเกินจนผิดปกติ ซึ่งภายหลังจากได้รับสารนั้นเข้าไปอีก ภูมิคุ้มกันดังกล่าวจะกระตุ้นทำให้เกิดผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบรุนแรง โรคหอบหืด ทั้งยังทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบมีอาการของโรคเร็วมากขึ้นไปอีก ซึ่งจะเกิดอาการเฉพาะในผู้ที่แพ้เท่านั้น ในคนปกติจะไม่เกิดอาการดังกล่าวแต่อย่างใด
โรคภูมิแพ้ เป็นกลุ่มของโรคที่สามารถแสดงอาการได้กับหลายระบบของร่างกาย อาการของโรคภูมิแพ้จะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคภูมิแพ้ที่เป็น ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม สิ่งแวดล้อม โดยตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ จะเรียกกว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) หรือสิ่งกระตุ้น ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายได้ทางระบบหายใจ การรับประทานอาหาร การสัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสทางตา ทางหู ทางจมูก หรือถูกกัดต่อยทางผิวหนัง
สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว ถ้าหากสูดดมมูลของไรฝุ่นที่ติดอยู่ตาม ที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มต่างๆ หรือผิวหนังของเราไปสัมผัสกับตัวไรฝุ่นที่ตายแล้ว ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทาน (Antibodies) ขึ้นมา โดยภูมิต้านทานนี้จะปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า ฮีสตามีน ซึ่งทำให้เกิดอาการบวม และการระคายเคืองของทางเดินหายใจ ไอ จาม คันตา และอาจรุนแรงถึงขั้นหอบหืด และภูมิแพ้นี้ยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้อีกด้วย ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นมากกว่า 10 ล้านคน ซึ่งถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง
ทั้งโรคทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง โรคตาอักเสบ ที่ทำให้ตาระคายเคือง โรคจมูกอักเสบ ทำให้น้ำมูกไหลและมีการจามบ่อย โรคหอบหืด ที่ทำให้ไอและมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคผิวหนังอักเสบ เช่น มีผื่นแดงและคัน ปวดศีรษะ เป็นต้น ซึ่ง ที่นอน สามารถมีตัวไรฝุ่นสะสมได้ถึงหลายล้านตัว และโดยเฉลี่ยคนเราต้องนอนอยู่บน ที่นอน ประมาณ 8 ชั่วโมงต่อวัน นั้นหมายความว่าผิวหนัง ระบบการหายใจของเราต้องสัมผัสคลุกคลีอยู่กับตัวไรฝุ่นและมูลนานมาก จนก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ไรฝุ่นขึ้นนั้นเอง
เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของคุณและคนที่รัก การเลือกซื้อที่นอน มีความสำคัญอย่างมาก นอกเหนือจากคุณภาพของวัสดุที่ดีในการผลิตที่นอน ควรคำนึงถึงที่นอนที่มีการป้องกันไรฝุ่น แบคทีเรีย และเชื้อราต่างๆ ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายสุขภาพอีกด้วย